สสส.ออกแคมเปญ “ Low Speed มีสิทธิ์รอด " ปีใหม่กลับบ้านปลอดภัย2562  


21 ธ.ค. 2561 4518 แผนงาน : การบังคับใช้กฎหมาย   


"low speed กลับบ้านปลอดภัยปีใหม่ 2562" ขับเร็วเกิน 60 กม./ชม. โอกาสชนแล้วเสียชีวิตถึงร้อยละ 85 เผย 3 ปีย้อนหลังเฉพาะปีใหม่ สูญเสียแล้วกว่า 1,281 คน 

ณ โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี -  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)  กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย  ร่วมจัดแถลงข่าว  “Low Speed มีสิทธิ์รอด  กลับบ้านปลอดภัย  ปีใหม่ 2562” เพื่อส่งมอบความห่วงใยและร่วมผลักดันนโยบายความปลอดภัยทางถนน รณรงค์ลดความเร็ว ลดความเสี่ยง ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร แก่ประชาชนทั่วประเทศในช่วงเทศกาลปีใหม่ 

นางสาวรุ่งอรุณ  ลิ้มฬหะภัณ  ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ  (สสส.)   กล่าวว่า  สสส.และภาคีเครือข่าย ได้รณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ภายใต้แคมเปญ “กลับบ้านปลอดภัย” ได้ผลิตสปอตโฆษณาชุด “สูญเสียกันทุกฝ่าย” รณรงค์ผ่านสื่อและผลิตสื่อสนับสนุนรณรงค์ลดอุบัติเหตุให้กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากความตั้งใจและความมุ่งหมายที่อยากจะให้ทุกคนที่เดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องมีใครบาดเจ็บและสูญเสียอีก ซึ่งข้อมูลศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เฉพาะช่วง 7 วัน 3 ปีย้อนหลัง (ปี 2559-2561) มีผู้เสียชีวิตรวม 1,281 คน บาดเจ็บ 11,578 คน เกิดเหตุ 11,119 ครั้ง และรุนแรงเพิ่มขึ้น สาเหตุจากขับเร็วและดื่ม ซึ่งความสูญเสียที่เกิดขึ้นทุกชีวิตมีคุณค่า คนที่ต้องจากไปและพิการ ส่งผลกระทบต่อหลายครอบครัวอย่างมหาศาล ถ้าหากขับรถเร็ว 60 กม./ชม. แล้วเกิดอุบัติเหตุ เทียบเท่ากับการตกตึก 5 ชั้น และถ้าหากขับรถ 120 กม./ชม. เทียบเท่ากับตกตึก 19 ชั้น จะเห็นว่าถ้าท่านขับรถเร็วเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว “ท่านอาจจะไม่มีสิทธิ์รอดชีวิต”  ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 นี้  สสส. ขอส่งมอบความปรารถนาดีไปยังทุกท่าน เพราะ ไม่มีของขวัญชิ้นใดที่จะล้ำค่าไปกว่าการที่เราทุกคนได้ “กลับบ้านปลอดภัย” อยู่พร้อมกันทั้งครอบครัว  ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข

นายพรหมมินทร์  กัณธิยะ  ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)  กล่าวว่า  จุดเกิดเหตุเทศกาลปีใหม่ 2561 พบทางตรงร้อยละ 64.91 ทางโค้งร้อยละ 21.30  และทางแยกร้อยละ 11.03 สาเหตุคือ ขับเร็วเกินกำหนดสูงถึงร้อยละ 43.36   สอดคล้องกับกรมทางหลวงที่ระบุเกิดอุบัติเหตุบริเวณทางโค้งจำนวน 2,004 ครั้ง  ทางแยก  1,083 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิตสูงถึง  2,285 ราย บาดเจ็บ 12,995 ราย  ดังนั้น ต้องไม่ลืมว่ายิ่งขับเร็ว ยิ่งมองไม่เห็นด้านข้าง ตอบสนองช้าลงเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความรุนแรง  จึงควรใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด  ซึ่งการขับเร็วที่ 50 กม./ชม. ต้องใช้ระยะทางหยุดรถ 13  เมตร  หากใช้ความเร็วที่ 80 กม./ชม.ต้องใช้ระยะเบรกถึง 36 เมตร และถ้าชนคนเดินถนนด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. มีโอกาสเสียชีวิตถึงร้อยละ 85  โดยข้อมูลการวิเคราะห์จุดเสี่ยคนทำงาน RTI (Road Traffic Injury)ทั่วประเทศพบว่าจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งระดับพื้นที่ คือทางแยก-ทางร่วม เพราะขาดป้ายเตือน ป้าย“ลดความเร็ว”คนต่างถิ่นขับรถไม่ชำนาญทางทางโค้ง เป็นจุดที่ขาดความระมัดระวังมักแหกโค้งเสียหลัก  จุดกลับรถ  เป็นจุดอันตรายที่สุด  แนะนำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ Low Speed  จึงมีสิทธิ์รอดสูง   

ดร.ปัญณ์  จันทร์พาณิชย์  สำนักโรคไม่ติดต่อ  กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในระดับอำเภอ  เป็นกลไกระดับพื้นที่ที่มีความเหมาะสม สามารถดำเนินงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพและประเมินผลได้ดีที่สุด โดยปี 2560 กรมควบคุมโรค ได้จัดทำคู่มือและแนวทางการประเมินการดำเนิน District Road Traffic Injury (D-RTI) หรือการป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจรทางถนนในระดับอำเภอโดยมีทีม RTI ที่เป็นภาคีเครือข่ายสหวิชาชีพระดับอำเภอ ร่วมวิเคราะห์จุดเสี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ใช้ข้อมูลความรู้สาธารณสุขและหน่วยงานภาคี นำเสนอคืนข้อมูลในเวที ศปถ.อำเภอ , ศปถ.อปท. เพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งนี้การแก้ปัญหาจุดเสี่ยงในชุมชนคือ ทำจุดนั้นให้เด่นชัด ให้ผู้ขับขี่เห็น เตือนบอกล่วงหน้า ปักธงแดง ทาสีสะท้อนแสง ตั้งกรวยลดความเร็วก่อนถึงจุดเสี่ยง เป็นต้น  ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาพบมีอำเภอผ่านเกณฑ์การประเมินรับรองคุณภาพในระดับดีเยี่ยม 54 อำเภอ และ 32 อำเภอ สามารถลดจำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตลงได้อย่างเป็นรูปธรรม และปี 2561 มี 136 อำเภอ ผ่านเกณฑ์การประเมินรับรองคุณภาพ  โดยใช้ข้อมูลบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พบว่า 75 อำเภอ บาดเจ็บลดลง และมี 52 อำเภอ ตายลดลง 

นางสาวตวงรัตน์  พวงศรีทอง  รองปลัด อบต.วังน้ำเขียว  อ.กำแพงแสน  จ.นครปฐม  กล่าวว่า    ตำบลวังน้ำเขียว มี 14 หมู่บ้าน  ประชากรกว่า 8,500 คน   มีกลุ่มเสี่ยงวัยรุ่นที่ใช้รถจักรยานยนต์และใช้ความเร็วจนเกิดอุบัติเหตุบริเวณทางโค้งบ่อยครั้ง  อบต.และเครือข่ายจึงได้ร่วมขับเคลื่อนแก้ไขโดยจัดตั้งทีมระดับตำบลป้องกันอุบัติเหตุทางถนน  (RTI Team ตำบล) ใช้ชื่อว่า “เครือข่ายขับเคลื่อนถนนปลอดภัยตำบลวังน้ำเขียว” ร่วมกับผู้นำชุมชน เครือข่ายและประชาชนในพื้นที่วิเคราะห์จุดเสี่ยง ทำแผนที่ สำรวจแก้ไข  ติดตั้งป้ายจราจร ป้ายเตือน  กระจกโค้งนูนตามจุดเสี่ยงทุกพื้นที่  นอกจากนี้ยังได้นำมาตรการด่านชุมชน มาตรการองค์กร และใช้สื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้  คุมเข้มเรื่องการจัดการความเร็วในชุมชน หน้าตลาดและหน้าโรงเรียน โดยติดตั้งป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม.  ตีเส้นชะลอความเร็ว ซึ่งได้ผลสามารถที่จะชะลอความเร็วของรถที่ผ่านเส้นทางนั้นลงได้ ทำให้อุบัติเหตุจากความเร็วของตำบลลดลงจากเดิมอย่างมาก     

นางสุดใจ   มอนไข่  ผอ.รพ.สต.ตำบลวังน้ำเขียว  อ.กำแพงเสน จ.นครปฐม กล่าวเสริมว่า การมีส่วนร่วมของ รพ.สต.ในการทำงาน RTI  คือ ร่วมประชุมกำหนดทิศทาง  เก็บข้อมูล นำเสนอข้อมูล ร่วมวางแผนการขับเคลื่อน ติดตาม ประเมินผล  เกิดคณะทำงานรวบรวมข้อมูล   ใช้ประโยชน์จากข้อมูลนำมาวิเคราะห์และวางแผนแก้ไขปัญหา โดยสถิติการเกิดอุบัติเหตุในตำบลวังน้ำเขียวปี 2554-2561 พบว่า ปี 2560 เกิดเหตุ 40 กว่าครั้ง ปี 2561 ลดลงเหลือประมาณ 10 กว่าครั้ง มีเสียชีวิต 6  คน และ ปี 2561  ไม่มีผู้เสียชีวิต.

อ้างอิง : https://www.thaipost.net/main/detail/24753 

© 2018 - www.roadsafetythai.org All rights reserved